ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ข้อมูลส่วนบุคคลได้กลายเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าอย่างสูง โดยเฉพาะในภาคการเงินที่มีการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาลเพื่อประกอบการให้บริการ เช่น การเปิดบัญชี บริการสินเชื่อ การวิเคราะห์เครดิต การชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน และธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อมูลเหล่านี้มีความละเอียดอ่อน และมีความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล หากไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่เหมาะสม

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) จึงได้ถูกประกาศใช้เพื่อกำหนดกรอบการดำเนินงานด้านการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยเน้นให้ความคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูล และวางมาตรฐานด้านความปลอดภัยสำหรับองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งภาคการเงินถือเป็นภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากข้อมูลทางการเงินมักจัดอยู่ในประเภทข้อมูลอ่อนไหวและต้องมีมาตรการจัดการที่รัดกุมมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน สถาบันการเงินกำลังเร่งพัฒนาและเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการให้บริการดิจิทัล (Digital Finance) เช่น Mobile Banking, Open Banking, FinTech APIs และระบบวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Analytics) เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล (Data-Driven Organization) ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในกฎหมาย PDPA อย่างลึกซึ้ง เพื่อออกแบบระบบและกลไกที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและยังสามารถแข่งขันในตลาดได้

เนื้อหา (Outline)

1. ทำความเข้าใจ PDPA: กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

• หลักการและสาระสำคัญของ PDPA อาทิ นิยามสำคัญ การตีความ การบังคับใช้

 ตลอดจนผลกระทบต่อผู้ที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย

• สิทธิของเจ้าของข้อมูล, หน้าที่และความรับผิดของผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูล
• บทลงโทษและความเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมาย

2. ความท้าทายและโอกาสภายใต้ PDPA

• ฐานทางกฎหมาย รวมถึงการขอความยินยอม
• Case Study ที่เกี่ยวข้อง

3. ข้อมูลในระบบการเงินยุคดิจิทัล

• ข้อมูลที่สถาบันการเงินจัดเก็บ เช่น KYC, transaction
• ประเด็นข้อมูลอ่อนไหว เช่น ข้อมูลเครดิต, พฤติกรรมทางการเงิน, Biometric

4. แนวทางการปรับตัวของสถาบันการเงิน

• นโยบายข้อมูล (Data Policy) ที่สอดคล้องกับ PDPA
• การอบรมพนักงานและการสร้างวัฒนธรรม "Privacy-first"
• บทบาทของ DPO (Data Protection Officer) ในธนาคาร

วันที่ : 28 มกราคม 2569

เวลา : 09.00-16.00 น.

สถานที่ :ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ถนนพญาไท

เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความสามารถและมีประสบการณ์ รวมทั้งความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จากสถาบันชั้นนำ

            เจ้าหน้าที่  หัวหน้าหน่วยงาน  รวมทั้งผู้บริหารของธนาคาร  สถาบันการเงินต่างๆ ที่ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ, ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายตรวจสอบ  Compliance ฝ่ายสินเชื่อ ฝ่ายบริหารความเสี่ยง รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่สนใจทั่วไป

ขั้นตอนการสมัครอบรม                                               

1.ท่านสามารถสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.tibfa.co.th หรือสแกน QR CODE  (ตามที่แนบมา) โดยเลือกหลักสูตรที่ท่านต้องการสมัคร พร้อมกรอกข้อมูลรายละเอียดผู้เข้าอบรม

2.ท่านสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร โดยเข้าไปที่ เว็บไซต์ www.tibfa.co.th โดยเลือกหลักสูตรที่ท่านต้องการสมัคร  กดดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร พร้อมกรอกข้อมูลรายละเอียดผู้เข้าอบรม และสแกนใบสมัครส่งมาได้ที่อีเมล [email protected]

วิธีการชำระเงิน

1.การโอนเงินเข้าบัญชี

ชื่อบัญชี “สมาคมสถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทย” บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขา ถนนรัชดาภิเษก (สุขุมวิท-พระราม4) เลขที่บัญชี 718-2-09176-0 

2.การสั่งจ่ายด้วยเช็ค ในนาม “สมาคมสถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทย”

หมายเหตุ         

1. สามารถหัก ภาษี ณ ที่จ่ายได้ หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0993000133412

2. กรุณาส่งหน้าเช็คหรือใบนำฝากมาที่อีเมล [email protected]

3. กรุณาชำระเงินอย่างน้อยล่วงหน้า 15 วัน ก่อนวันอบรมสัมมนา

4. ทางสมาคมสถาบันฯ ไม่รับชำระเป็นเงินสดหน้างาน

5. กรณีสมัครอบรมสัมมนาแล้ว หากไม่สามารถเข้าอบรมได้ กรุณาแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน

หากแจ้งล่าช้าหรือกะทันหันจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เช่น ค่าอาหาร และค่าเอกสารบรรยาย ฯลฯ

• กรณีที่มีการยกเลิก หากผู้สมัครแจ้งยกเลิกอย่างน้อย 10 วัน ก่อนวันสัมมนา ท่านจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน (ก่อนVAT) หากแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนวันสัมมนา  ท่านจะได้คืน 50% ของราคาสัมมนา  หากผู้สมัครที่ไม่ได้ยกเลิกภายในระยะเวลาที่กำหนดทางสมาคมสถาบันฯ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ และจะไม่คืนเงินให้ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

• กรณีผู้สมัครต้องการยกเลิกการสำรองที่นั่ง  ต้องแจ้งความจำนงล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันก่อนวันสัมมนา มิฉะนั้นทางสมาคมสถาบันฯ  จะคิดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน 20% ของราคาสัมมนา ( รวม VAT )