วัตถุประสงค์ของหลักสูตร

1.เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีความเข้าใจถึงเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในบริบทของความไม่แน่นอนและความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

2.เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของปัจจัยภายนอกและภายในประเทศที่มีต่อเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย

3.เพื่อศึกษาและประเมินบทบาทของนโยบายเศรษฐกิจการคลังในการรองรับความผันผวน และส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

4.เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอเชิงนโยบายระหว่างผู้เข้าร่วมหลักสูตรและผู้กำหนดนโยบาย

5.เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เข้าร่วมให้สามารถเสนอแนวทางเชิงนโยบายที่เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในอนาคต

หลักการและเหตุผล

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความท้าทายและความผันผวนในหลายมิติ ทั้งจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การระบาดของโรคระบาดใหญ่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจากการพัฒนาเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยในหลากหลายด้าน ทั้งในมิติของการส่งออก การลงทุน การจ้างงาน ความเหลื่อมล้ำ และเสถียรภาพทางการคลังใน การกำหนดนโยบายเศรษฐกิจการคลังที่มีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงเป็นกลไกสำคัญในการรองรับแรงกระแทกจากภายนอก ควบคู่กับการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยไม่ละเลยประเด็นด้านความเป็นธรรมทางสังคม ความมั่นคงทางการคลัง และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพหลักสูตรนี้จึงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ตลอดจนบทบาทของนโยบายเศรษฐกิจการคลังในฐานะเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับความท้าทาย พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดทิศทางนโยบายในอนาคตอย่างมีวิสัยทัศน์

ได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

- วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและโอกาสในยุคของวิกฤตการณ์ เช่น ความผันผวนของตลาดการเงินภัยพิบัติธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิรัฐศาสตร์

- เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการใช้จ่ายภาครัฐ การจัดเก็บรายได้ และเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจ

- สามารถประยุกต์ใช้แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ในการออกแบบหรือเสนอแนวทางเชิงนโยบาย

- ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม

- ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการคลัง และการพัฒนา

- สร้างเครือข่ายกับบุคลากรจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการAgenda Highlights

เนื้อหาหลักสูตร

1) Thailand's Economic Snapshot

2) Thailand's Economic Forecast for 2025

3) Thailand's Major Economic Policies

4) Thailand under the Impact of Reciprocal Tariffs

5) Current State in Thailand's Automotive Industry

6) Key Agenda for Sustainable Growth

วันที่ : 16 กันยายน 2568

เวลา : 09.00 - 16.00 น.

สถานที่ :โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ถนนพญาไท

บรรยายโดย ดร.พิสิทธิ์ พัวพันธ์ วิทยากร ที่มีความรู้ ความสามารถ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง

ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ที่ปฏิบัติงานในทุกสายงาน ของธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้อง และผู้สนใจทั่วไป

ขั้นตอนการสมัครอบรม                                           

  1.ท่านสามารถสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.tibfa.co.th หรือสแกน QR CODE  (ตามที่แนบมา) โดยเลือกหลักสูตรที่ท่านต้องการสมัคร พร้อมกรอกข้อมูลรายละเอียดผู้เข้าอบรม

2.ท่านสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร โดยเข้าไปที่ เว็บไซต์ www.tibfa.co.th โดยเลือกหลักสูตรที่ท่านต้องการสมัคร  กดดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร พร้อมกรอกข้อมูลรายละเอียดผู้เข้าอบรม และสแกนใบสมัครส่งมาได้ที่อีเมล [email protected]

วิธีการชำระเงิน

1.การโอนเงินเข้าบัญชี

ชื่อบัญชี “สมาคมสถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทย” บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขา ถนนรัชดาภิเษก (สุขุมวิท-พระราม4) เลขที่บัญชี 718-2-09176-0 

2.การสั่งจ่ายด้วยเช็ค ในนาม “สมาคมสถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทย”

หมายเหตุ         

1. สามารถหัก ภาษี ณ ที่จ่ายได้ หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0993000133412

2. กรุณาส่งหน้าเช็คหรือใบนำฝากมาที่อีเมล [email protected]

3. กรุณาชำระเงินอย่างน้อยล่วงหน้า 15 วัน ก่อนวันอบรมสัมมนา

4. ทางสมาคมสถาบันฯ ไม่รับชำระเป็นเงินสดหน้างาน

5. กรณีสมัครอบรมสัมมนาแล้ว หากไม่สามารถเข้าอบรมได้ กรุณาแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน

หากแจ้งล่าช้าหรือกะทันหันจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เช่น ค่าอาหาร และค่าเอกสารบรรยาย ฯลฯ

• กรณีที่มีการยกเลิก หากผู้สมัครแจ้งยกเลิกอย่างน้อย 10 วัน ก่อนวันสัมมนา ท่านจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน (ก่อนVAT) หากแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนวันสัมมนา  ท่านจะได้คืน 50% ของราคาสัมมนา  หากผู้สมัครที่ไม่ได้ยกเลิกภายในระยะเวลาที่กำหนดทางสมาคมสถาบันฯ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ และจะไม่คืนเงินให้ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

• กรณีผู้สมัครต้องการยกเลิกการสำรองที่นั่ง  ต้องแจ้งความจำนงล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันก่อนวันสัมมนา มิฉะนั้นทางสมาคมสถาบันฯ  จะคิดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน 20% ของราคาสัมมนา ( รวม VAT )