หลักการและเหตุผล

ในการให้สินเชื่อแก่ภาคธุรกิจหรือบุคคลธรรมดา หนึ่งในกระบวนการสำคัญคือการ พิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากข้อมูลทางการเงิน โดยเฉพาะงบการเงินของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งหากข้อมูลเหล่านั้นถูกจัดทำหรือแสดงผลไม่ถูกต้อง (เช่น การ "แต่งบัญชี") อาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อผิดพลาดหรือเกิดหนี้เสีย (NPL)

ในสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยใช้เทคนิคการตกแต่งบัญชี เพื่อให้กิจการดูมีความสามารถในการชำระหนี้หรือมีสถานะทางการเงินที่ดีกว่าความเป็นจริง เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ของฝ่ายสินเชื่อในสถาบันการเงิน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อต้องเผชิญความท้าทายในการแยกแยะ "งบการเงินจริง" ออกจาก "งบการเงินที่ถูกตกแต่ง"

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อ นักวิเคราะห์สินเชื่อ หรือนักบัญชีของสถาบันการเงินจะต้องมีความรู้และทักษะในการ วิเคราะห์งบการเงินเชิงลึก เพื่อ จับพิรุธ หรือ ตรวจสอบความไม่ถูกต้อง ที่อาจซ่อนอยู่ในตัวเลขบัญชีเหล่านั้นการอบรมในครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่สินเชื่อ นักบัญชี และผู้ที่เกี่ยวข้อง

วัตถุประสงค์

1.เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เรียนรู้ประเภทต่างๆ ของการแต่งบัญชีและงบการเงิน รวมถึงเรียนรู้เทคนิคต่างๆที่ช่วยในการจับเท็จการแต่งบัญชีของธุรกิจ SMEs ในประเทศไทย โดยเรียนรู้ผ่านกรณีศึกษาจริงของงบการเงินที่พบในประเทศไทยและในต่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้และทักษะในการจับเท็จ และประเมินความน่าเชื่อถือของงบการเงิน เพื่อค้นหาความเสี่ยงในการให้กู้แก่ธุรกิจ SMEs

1.เตรียมความพร้อมของบุคลากรด้านสินเชื่อ ให้สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจในการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจ SMEs ด้วยการเรียนรู้กรณีศึกษาจริง และแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับอาจารย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ตรงทั้งในด้านการวิเคราะห์และจับเท็จการแต่งงบ และการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการให้สินเชื่อในสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

เนื้อหาและหัวข้อสำหรับการอบรม (Course Outlines)

• การแต่งบัญชีและงบการเงิน และการให้สินเชื่อ
• ข้อมูลเครดิต และความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ
• งบการเงินที่ใช้ประเมินผลงานทางการเงิน
• ลักษณะของงบการเงินที่เป็น Poor quality statements
• แรงจูงใจที่นำไปสู่การแต่งบัญชีและงบการเงิน
• ประเภทของการแต่งบัญชีและงบการเงิน

- Benign

- Egregious 3

• ข้อดีข้อเสียของระบบบัญชีแบบ Accrual system

- ความเหมาะสม และยืดหยุ่นในการบันทึก

- ง่ายต่อการแต่งตัวเลขและบิดเบือน

• ประเภทของการแต่งงบการเงิน

- การรับรู้รายได้ รายจ่าย

- การปรับนโยบายทางบัญชี

- นโยบายด้าน Capitalizing policy

- Footnotes

- Others

• กรณีศึกษาที่ 1
• การแต่งงบการเงินของ SMEs ที่พบบ่อย

- เงินให้กู้แก่กรรมการ

- เงินกู้จากกรรมการ

- รายการ Intangibles

- การใช้เงินร่วมระหว่างบุคคลและบริษัท

- Others

• ความเห็นของผู้ตรวจสอบบัญชี
• เทคนิคที่ใช้ในการตรวจสอบจับเท็จ

- เทคนิคปัจจัยด้านคุณภาพ

- เทคนิคปัจจัยด้านปริมาณ

• ปัจจัยด้านคุณภาพที่สำคัญที่ต้องทราบ

- ความสอดคล้องกับอุตสาหกรรม

- รายการที่เป็น Accounting estimates

- กิจกรรมปลายงวดบัญชี

• การใช้ Financial model & ratios ที่สำคัญ

- การใช้งบกระแสเงินสด

- การใช้อัตราส่วนทางการเงิน

- การวิเคราะห์ทางการเงิน

- การสร้างงบการเงินจาลอง

• แบบฝึกหัดและหรือคาถามท้ายบท
• กรณีศึกษา 2
• อภิปราย และแลกเปลี่ยนความเห็น
• ปิดการอบรม

รูปแบบการอบรม - เรียนรู้ผ่านระบบ Case-based Learning

1.การบรรยายในห้องเรียนโดยคณาจารย์ด้านสินเชื่อที่มีประสบการณ์

2.มีการยกกรณีตัวอย่างจากของจริงทั้งลูกค้าสินเชื่อรายย่อย และ SMEs และธุรกิจรายใหญ่

3.กรณีศึกษาจริง และกรณีศึกษาย่อย และ การทำ Workshop

4.การจัดทำกรณีศึกษาแยกตามกลุ่ม

5.การนำเสนอผลงานของกลุ่ม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และข้อสรุป

วันที่ : 31 ตุลาคม 2568

เวลา : 09.00 - 16.00 น.

สถานที่ :โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ถนนพญาไท

ดำเนินการอบรมโดยคณะอาจารย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์ด้านการวิเคราะห์ทางการเงิน และการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการให้สินเชื่อจากสมาคมสถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทย (TIBFA)

ผู้เข้ารับการอบรมจะประกอบไปด้วยผู้บริหารและพนักงานของสถาบันการเงิน และองค์กรธุรกิจและองค์กรของภาครัฐ รวมถึงผู้สนใจทั่วไป

วิธีการชำระเงิน

1.การโอนเงินเข้าบัญชี

ชื่อบัญชี “สมาคมสถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทย” บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขา ถนนรัชดาภิเษก (สุขุมวิท-พระราม4) เลขที่บัญชี 718-2-09176-0 

2.การสั่งจ่ายด้วยเช็ค ในนาม “สมาคมสถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทย”

หมายเหตุ         

1. สามารถหัก ภาษี ณ ที่จ่ายได้ หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0993000133412

2. กรุณาส่งหน้าเช็คหรือใบนำฝากมาที่อีเมล [email protected]

3. กรุณาชำระเงินอย่างน้อยล่วงหน้า 15 วัน ก่อนวันอบรมสัมมนา

4. ทางสมาคมสถาบันฯ ไม่รับชำระเป็นเงินสดหน้างาน

5. กรณีสมัครอบรมสัมมนาแล้ว หากไม่สามารถเข้าอบรมได้ กรุณาแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน

หากแจ้งล่าช้าหรือกะทันหันจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เช่น ค่าอาหาร และค่าเอกสารบรรยาย ฯลฯ

• กรณีที่มีการยกเลิก หากผู้สมัครแจ้งยกเลิกอย่างน้อย 10 วัน ก่อนวันสัมมนา ท่านจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน (ก่อนVAT) หากแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนวันสัมมนา  ท่านจะได้คืน 50% ของราคาสัมมนา  หากผู้สมัครที่ไม่ได้ยกเลิกภายในระยะเวลาที่กำหนดทางสมาคมสถาบันฯ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ และจะไม่คืนเงินให้ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

• กรณีผู้สมัครต้องการยกเลิกการสำรองที่นั่ง  ต้องแจ้งความจำนงล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันก่อนวันสัมมนา มิฉะนั้นทางสมาคมสถาบันฯ  จะคิดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน 20% ของราคาสัมมนา ( รวม VAT )